ข่าวร้าย! Photoshop เวอร์ชั่นต่อไปไม่รองรับ Windows XP

Windows XP นับเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้ใช้และพิสูจน์ด้วยอายุการทำงานที่มากถึง 11 ปี ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2001 ซึ่งก็ผ่านยุคสมัยของการพัฒนาโปรแกรมแต่ละเวอร์ชั่นจากแต่ละค่ายมาอย่างมากมาย ที่ห่างหายไปบ้างก็มี และล่าสุดก็ถึงคราวของโปรแกรมตกแต่งภาพชื่อดังอย่าง Photoshop ที่อะโดบี้ ต้นสังกัดออกมาประกาศว่า Photoshop CS6 เวอร์ชั่นปัจจุบันจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Windows XP

โดยเหตุผลสำคัญสำหรับการยุติการสนับสนุน ทีมพัฒนาระบุว่า เพราะมันเป็นซอฟท์แวร์ที่ต้องการประสิทธิภาพและความไวที่ทันสมัยที่จำเป็นต้องใช้งานควบคู่กับอินเทอร์เฟสกราฟฟิคที่ทันสมัยเช่นกัน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดอ่อนของ Windows XP ส่วนฟีเจอร์สมัครสมาชิก Creative Cloud สำหรับการเข้าถึง Creative Suite 6 และซอฟท์แวร์อื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 50 เหรียญสหรัฐฯ และคุณสมบัติใหม่ที่จะมาใน CS7 ก็จะไม่ได้สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Windows XP ด้วยเช่นกัน

Source : CNET
ที่มา http://www.pantip.com

Windows XP ไม่ใช่โอเอสยอดนิยมแล้ว

จากสถิติของผู้ใช้ระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Windows XP ถือได้ว่าเป็นโอเอสที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยผู้ใช้ยังคงใช้โอเอสตัวนี้มากที่สุด และนานที่สุด เรียกได้ว่า ไม่ยอมเปลี่ยนสักทีจนไมโครซอฟท์ต้องประกาศหยุดให้การสนับสนุนอย่างเด็ดขาด แต่ผลสำรวจจาก Net Applications เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฎว่า Windows 7 ขึ้นแท่นโอเอสที่ได้รับความนิยมมากทีสุดในโลกไปแล้ว

Net Applications บริษัทวิจัยข้อมูลสถิติบนอินเทอร์เน็ต สรุปการประมวลผลในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า Windows 7 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 42.76% แซงหน้า Windows XP (ที่มีส่วนแบ่งเหลือ 42.52) ไปเล็กน้อย หรือเฉือนกันแค่จุดทศนิยมเท่านั้น ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP มีการเปิดตัวตั้งแต่ในปี 2001 หรอืประมาณ 11 ปีที่แล้ว ในขณะที่ Windows 7 เพิ่งจะมีอายุครบ 3 ปีเมื่อกรกฎาคมที่ผ่่านมานี้เอง 

ส่วนระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไรอย่าง Windows Vista ยังคงติดอันดับ 3 แต่ก็มีส่วนแบ่งตลาดที่ห่างไกลกันมากแค่ 6.15% เท่านั้น ตามติดมาด้วยระบบปฏิบัติการทางฝั่ง Apple อย่าง Mac OS X 10.7 และ Mac OS X 10.6 ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 2.45% และ 2.38% ตามลำดับ โดยภาพรวมการใช้งาน โอเอสของไมโครซอฟท์ครองส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด 92% ประเด็นที่่น่าสนใจมากกว่าการที่ Windows 7 ที่มีอายุแค่ 3 ปีจะสามารถโค่นแชมป์ตลอดกาลอย่าง Windows XP ได้ก็คือ Windows 8 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดที่จะเปิดตัวในวันที่ 26 ตุลาคม ศกนี้ ในฐานะของโอเอสเวอร์ชันแรกที่เกิดมา เพื่อใช้งานบนแท็บเล็ต และเดสก์ทอป จะต้องใช้เวลาสักเท่าไรในการเปลี่ยนใจผู้ใช้ Windows 7 & Windows XP มาใช้ Windows 8 ซึ่งไมโครซอฟท์กำลังใช้กลยุทธ์การอัพเกรดด้วยการดาวน์โหลดผ่านเน็ตในราคาถูกแค่ 39.99 เหรียญฯ (ประมาณ 1,200 บาทก็ได้ใช้ Windows 8 Pro) ให้กับผู้ใช้พีซีที่รัน Windows XP, Vista หรือ 7 งานนี้คงต้องดูกันยาวๆ ว่า แผนการนี้จะเปลี่ยนใจผู้ใช้ได้มากกน้อยเพียงไร

ที่มา http://www.arip.co.th

security: กันก็อปปี้ไฟล์ลงธัมบ์ไดรฟ์?

สำหรับการปรับแต่ง Windows XP ไม่ให้สามารถก็อปปี้ไฟล์ผ่านทางพอร์ต USB ได้ จะใช้วิธีเดียวกันคือ เข้าไปแก้ที่ Registry แต่ในกรณีของ Windows XP อย่างน้อยจะต้องได้รับการติดตั้ง Service Pack 2 ขึ้นไปถึงจะทำได้ ขั้นแรกกดปุ่ม Windows +R (คลิ้กปุ่ม Start เลือก Run) พิมพ์คำสั่ง regedit แล้วกด Enter
หลังจากที่หน้าต่างโปรแกรม Registry Editor ปรากฎขึ้นมาแล้ว ในกรอบซ้ายมือให้คลิ้กเครื่องหมาย + หน้ารายการตามลำดับข้างล่างนี้
HKEY_LOCAL_Machine\System\CurrentControlSet\Control\StorageDevicePolicies

หากคลิ้กเข้าไปถึง Contrl แล้วไม่พบคีย์ StorageDevicePolices ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะคุณสามารถสร้างคีย์นี้ขึ้นมาได้ โดยคลิ้กขวาบนรายการ Contorl เลือกคำสั่ง New ตามด้วย Key แล้วตั้งชื่อคีย์ใหม่ภายใต้ Control ว่า StorageDevicePolicies

คลิ้กเลือกรายการนี้ จะพบว่า ในกรอบด้านขวาจะไม่มีพารามิเตอร์ใดๆ เลย ให้คลิกขวาบนคีย์StorageDevicePolicies แล้วเลือกคำสั่ง New ตามด้วย DWORD value  ตั้งชื่อว่า WriteProtect แล้วกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด

ขั้นตอนสำคัญก็คือ การกำหนดค่าให้ WriteProtect ทำงาน โดยคลิกขวาเลือกคำสั่ง Modify แล้วเปลี่ยนค่าจาก 0 เป็น 1 แล้วคลิ้กปุ่ม OK

จากนั้นปิดหน้าต่างโปรแกรม Registry Editor แล้วรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ใหม่ คราวนี้ ก็จะไม่มีใครสามารถก็อปปี้ไฟล์จากเครื่องคอมพ์ของคุณลงยูเอสบีไดรฟ์ได้อีกต่อไปแล้ว ยกเว้นเขารู้พาสเวิร์ดแอดมิน และความลับของการป้องกันด้วยวิธีนี้ (สำหรับการแก้ไขกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็แค่เปลี่ยนค่าของ WriteProtect จาก 1 ให้เป็น 0 แล้วรีสตาร์ทก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว)

ข้อมูลจาก:http://www.arip.co.th