05 ตุลาคม 2555

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 8 วันที่ 26 ตุลาคมนี้


หลังจากที่ Microsoft เปิดให้ทดลอง Windows 8 Consumer Preview สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และ Windows 8 Developer Preview ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดได้มีรายงานจากเว็บบล็อคของไมโครซอฟท์ ว่า สตีเวน ไซนอฟสกี ได้เตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของ วินโดวส์ 8 จะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้อัพเกรดวันที่ 26 ตุลาคม 2012 โดยเจ้าตัว Microsoft Windows 8 จะแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ
- การอัพเกรดจากการใช้ระบบปฏิบัติการเดิมของไมโครซอฟท์ เดิมของ Microsoft ได้แก่ Windows 7, Windows Vista และ Windows XP สำหรับค่าอัพเกรดนั้นจะอยู่ที่ ราคา $39.99 หรือประมาณ 1,300 บาทไทย
- การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 ลงบนคอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่ สำหรับราคาของตัวนี้จะมาพร้อมแผ่น DVD Windows 8 ในราคา $69.99 หรือประมาณ 2,200 บาทไทย
นับว่าทาง Microsoft ลดราคาเจ้าตัว Windows 8 ลงมาอย่างมากเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น XP,Vista,7 ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันไปมองของละเมิดลิขสิทธ์ ข่าวไอที
ที่มา : http://www.itday.in.th

อีกไม่ถึง 5 ปี “รถอัตโนมัติ” ขับด้วยตัวเองมีใช้แน่ !


เซอร์เกย์ บริน หนึ่งใน 2 ของผู้ก่อตั้ง กูเกิล ยักษ์ใหญ่ที่ครองโลกออนไลน์มายาวนาน เปิดเผยวิสัยทัศน์ว่าด้วย “รถอัตโนมัติ” 
ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐล่าสุดที่ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วย “ยานพาหนะอัตโนมัติ” ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้การทดสอบการใช้รถที่ขับเคลื่อนได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคนขับ เป็นเรื่องถูกกฎหมายเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐเนวาดา โดยบรินเชื่อว่า ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น รถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองดังกล่าวนี้จะมีใช้กันทั่วไปตามท้องถนน
รถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยตัวมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีคนขับ ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่มีอยู่ผสมผสานกัน ตั้งแต่ระบบเรดาร์เพื่อตรวจสอบบริเวณด้านหน้าของรถ กล้องวิดีโอเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบรถยนต์ทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเซ็นเซอร์ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่จะทำงานร่วมกับสมองกล หรือซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่จะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนที่และทิศทางของรถยนต์คันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทั้งกฎหมายของ เนวาดาและแคลิฟอร์เนียต่างกำหนดให้จะใช้งานรถขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ก็ต่อเมื่อมีคนอยู่หลังพวงมาลัย และพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ทันทีอยู่ด้วยเท่านั้น
กูเกิลเป็นบริษัทที่เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย เพื่อผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าวนี้มากที่สุด แม้ว่าจะมีอีกหลายบริษัทมากที่กำลังพัฒนาโครงการคล้ายคลึงกันดังกล่าวนี้ ซึ่งรวมทั้ง “คาลเท็ค” หรือสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา โดยรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นแรกสุดของกูเกิลเป็น โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด และต่อมาก็เพิ่มเล็กซัส อาร์เอ็กซ์ 450 เอช รถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์เข้าไปอีกรุ่น เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีอีกหลายๆ รุ่นหลายแบบติดตามมา
เซอร์เกย์ บริน ให้ความเห็นเอาไว้ว่า รถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองมีประโยชน์หลากหลายอย่างยิ่ง แรกสุดนั้นก็คือ เรื่องความปลอดภัยที่สามารถมั่นใจได้ว่ามีมากกว่าการขับรถด้วยมนุษย์แน่นอน และจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ซึ่งเมื่อปี 2010 ในสหรัฐมีผู้เสียชีวิตเพราะเหตุนี้มากถึง 33,000 คน โดยจนกระทั่งถึงขณะนี้ รถขับอัตโนมัติดังกล่าวนี้มีการใช้งานมาแล้วมากกว่า 300,000 ไมล์ โดย 50,000 ไมล์ ในจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นการขับโดยรถยนต์เอง ไม่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้่น สถิติของการเกิดอุบัติเหตุเป็น 0 เพราะครั้งเดียวที่เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นกับรถทดสอบ เกิดขึ้นในระหว่างที่คนเป็นผู้ควบคุมรถ
นายบรินยังระบุด้วยว่า รถอัตโนมัติทำให้คนที่เดิมไม่สามารถขับรถได้ อย่างเช่นคนตาบอดเดินทางได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งคนที่มีความพิการด้านอื่นๆ หรือคนที่อายุน้อยเกินไป สูงอายุเกินไป หรือบางทีก็เมามายมากเกินไปก็สามารถใช้ประโยชน์จากรถอัตโนมัติได้
สุดท้าย รถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองนั้นสามารถทำให้การจราจรลดความหนาแน่นลงเหลือน้อยที่สุด ด้วยการเชื่อต่อเข้าด้วยกันเคลื่อนที่ตามลำดับ ทำให้การใช้ท้องถนนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้อาศัยรถขับเคลื่อนอัตโนมัติจะใช้เวลาในการเดินทางทำอย่างอื่นได้ เพื่อประโยชน์ที่เห็นว่าคุ้มค่าสูงสุด ในขณะเดียวกัน รถอัตโนมัติก็จะส่งผู้โดยสารลงตรงจุดหมาย แล้วสามารถไปหาที่จอดได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเลือกจุดจอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อการขับเคลื่อนครั้งต่อไปอีกด้วย

ที่มา : http://news.nerkoo.com

"ไอบีเอ็ม" เผยโฉม"ซีคัวย่า" ซูเปอร์คอมพิวเตอร์"เร็วที่สุดในโลก"


คอมพิวเตอร์"ซีคัวยา" (Sequoia) ของไอบีเอ็ม (IBM) บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ครองตำแหน่งคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก หรือ"ซูเปอร์คอมพิวเตอร์"  ทำให้ ′เคคอมพิวเตอร์′ ของบริษัทฟูจิตสึ จากญี่ปุ่น หล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 2




นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี  ที่สหรัฐฯกลับมาคว้าตำแหน่งดังกล่าวมาครองได้อีกครั้ง  หลังจากที่ต้องสูญเสียตำแหน่งดังกล่าวให้แก่จีนเมื่อ 2 ปีก่อน

"ซีคัวย่า" จะถูกใช้งานในการสร้างแบบจำลองของอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการทดสอบอาวุธดังกล่าวในโลกแห่งความเป็นจริง ปัจจุบันซีคัวย่า ตั้งอยู่ในห้องทดลองแห่งชาติลอเรนซ์ ลิเวอร์มอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ภายใต้การดูแลของกระทรวงพลังงาน

นายโะมัส แดงกอสติโน จากหน่วยงานความมั่นคงนิวด้านพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แสดงความมั่นใจว่าซีคัวย่าจะช่วยให้สหรัฐฯดำเนินนโยบายป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ดังกล่าวจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ในการคำนวณข้อมูลได้เร็วเท่ากับเวลา 320 ปี ที่มนุษย์กว่า 6,700 ล้านคน ร่วมกันคำนวณด้วยเครื่องคิดเลขต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก แม้ว่าสหรัฐฯจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำอีกครั้ง แต่เมื่อเปรียบเทียบว่า ในขณะนี้ 10 อันดับแรกของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ อยู่ในสหรัฐฯเพียง 3 เครื่องเท่านั้น เมื่อเทียบกับ 6 เดือนก่อน ที่มีมากถึง 5 เครื่อง   โดยสหรัฐฯครอบครองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั้งหมด 3 ตัว ขณะที่ จีน และเยอรมนี มี 2 ตัว ส่วนญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี มีประเทศละ 1 ตัว

ซึ่งเมื่อเทียบกับ "เคคอมพิวเตอร์" ของฟูจิตสึ   ซีคัวย่าจะมีความเร็วกว่า 1.55 เท่า และมีระบบปฏิบัติการหรือโปรเซสเซอร์มากกว่า 1.5 ล้านตัว โดยกินไฟเพียง 7.9 เมกะวัตต์ ขณะที่เคคอมพิวเตอร์กินไฟมากกว่าถึง 12.6 เมกะวัตต์

ที่มา : http://www.matichon.co.th


04 ตุลาคม 2555

ขงจือ...การมองทะลุแก่นแท้ของมนุษย์!!!

ภาพในบรรทัด 1
Human Penetrator การมองทะลุแก่นแท้ของมนุษย์
ขงจื๊อเป็นนักคิดคนสำคัญยิ่งของโลก เป็นทั้งนักการศึกษา นักรัฐศาสตร์ นักปรัชญา และที่สำคัญคือเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพล ทางความคิด มากที่สุด ในแผ่นดินจีน คำสั่งสอนของขงจื๊อเป็นรากฐานทางสังคม การเมือง และวัฒนธรรมของทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีมาจนถึงปัจจุบัน
แนวคิดของขงจื๊อไม่เพียงแต่เน้นให้คนมีคุณธรรม แต่ยังเป็นแนวทางนำไปสู่ความมีอัจฉริยะภาพ คือทำให้รู้ว่าในเวลาหนึ่ง คนเราควร จะคิดอะไร วางตัวอย่างไร คบเพื่อนแบบไหน เพื่อทำให้เราใช้ศักยภาพและเวลาที่มีจำกัด ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง มากที่สุดแก่น คำสอนของขงจื๊อสรุปได้เป็น 5 หัวข้อ ดังนี้
1. บุคลิกภาพของมนุษย์ที่แท้
มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบของขงจื๊อ คือคนมีบุคลิกโดดเด่นเหนือคนทั่วไป มีพลังดึงดูด โน้มน้าวใจคน และมีคุณธรรมเที่ยงตรง ทำให้มีอำนาจเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป คุณลักษณะ 7 ประการที่จะช่วยให้มนุษย์มีพลังอำนาจตามวิธีคิดของขงจื๊อ คือ
  • นอบน้อม เพราะคนนอบน้อมจะไปทำอะไร ที่ไหน ย่อมไม่เป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป
  • เมตตากรุณา เพราะคนมีเมตตากรุณา มักจะมี positive aura บนใบหน้าที่ทำให้สามารถเอาชนะใจคนได้โดยง่าย
  • จริงใจ เพราะจะส่งผลให้มีบุคลิกซึ่งเป็นที่ไว้วางใจของผู้อยู่เหนือกว่า ผู้ใต้บังคับบัญชา และบุคคลทั่วไป
  • จริงจัง เพราะย่อมทำทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วงลงได้
  • ใจคอกว้างขวาง เพราะย่อมใช้ให้คนทำงานแทนได้ และสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
  • ไม่กินอิ่มเกินไป ไม่แสวงหาความสะดวกสบายจนเกินไป เพราะจะทำให้กลายเป็นคนเกียจคร้าน ไม่แสวงหาหนทางปรับปรุงชีวิต พัฒนาตนเองในขณะที่ยังมีกำลังวังชา และสติปัญญาสมบูรณ์
  • มีอารมณ์มั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย ถ้ากล่าวแบบคนสมัยใหม่ ก็คือการมี EQ สูง
2. วิธีคิดของผู้มีปัญญา
คนเราเกิดมา มีปัญญาสูงต่ำไม่เท่ากัน มีโอกาสในการศึกษาไม่เท่ากัน แต่ขงจื๊อเห็นว่าในชีวิตประจำวันคนเราสามารถค่อย ๆ สร้างสม พัฒนาสติปัญญาให้ได้ด้วยตนเอง โดยการเปลี่ยนปรับวิธีคิดเสียใหม่ เลิกคิดปรุงแต่ง และคิดถึงเรื่องไร้สาระ และหันมาพิจารณาเฉพาะเรื่อง ที่เป็นประโยชน์แทน ดังนี้
  • มนุษย์ที่แท้ จะต้องพิจารณาอยู่เสมอว่า ทำอย่างไร เราจึงจะมองอะไรแล้วสามารถจะเห็นและเข้าใจสิ่งนั้นทะลุปรุโปร่ง และเมื่อได้ยินอะไรแล้ว ทำอย่างไรเราจึงจะฟังให้เข้าใจได้หมดซึ่งก็คือ การใช้สมาธิตั้งใจดู ตั้งใจฟัง นั่นเอง ปัญหาของจำนวนมาก คือ ดู เห็น ฟัง แล้วเข้าใจไม่หมด ตีความผิด ตีความเข้าตนเอง เอาตนเองเป็นที่ตั้งอยู่ตลอด ถ้าแก้ไขจุดนี้ได้ เราก็จะมีฐานข้อมูล ที่ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งต้องใช้ประกอบการคิด การตัดสินใจต่อไป
  • อย่าคิดกังวลว่า ใครจะยอมรับยกย่องเราหรือไม่ แต่ให้เป็นกังวลมาก ๆ ว่า ขณะนี้เรายังขาดคุณสมบัติข้อใด ที่ทำให้ยังไม่เป็นที่ยกย่อง ของผู้คน และอย่าเป็นกังวลว่า คนอื่นจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของเรา แต่ให้กังวลว่า ตัวเราจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของคนอื่นดีกว่าจุดนี้คือ ขงจื๊อต้องการให้คนเราเน้น การพิจารณา เข้าใจ และปรับปรุงตนเอง ในขณะที่แนวโน้มของคนโดยทั่วไปจะชอบ "ส่องนอก ไม่ส่องใน" และใช้เวลาไปกับการจับผิด วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเสียมาก
  • เวลาเห็นช่องทางได้ผลประโยชน์ ต้องคิดถึง ความยุติธรรม ด้วยขงจื๊อเห็นว่า มนุษย์เรามีแนวโน้มจะคิดแบบเห็นแก่ได้ และตัดสินใจ ผิดพลาด เมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อจะไม่ทำผิดคุณธรรม คนเราต้องพิจารณาเรื่อง ความยุติธรรมอยู่เสมอ ๆ ความยุติธรรมที่ให้พิจารณาก็คือ หลักการง่าย ๆ ถ้าเราไม่ชอบอะไร รังเกียจอะไร ก็จงอย่าทำกับคนอื่นแบบนั้น คิดได้แค่นี้
  • นอกจากนี้ ขงจื๊อยังให้ข้อเตือนใจไว้ว่า เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องหัดคิดคิดการณ์ไกล เพื่อจะได้ไม่ต้องหลงทางนอกจากนี้ เวลาร่ำเรียนศึกษา ก็ต้องหัดคิดตาม เพราะคนที่ศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่คิด ย่อมไม่ฉลาดมากนัก ในทางตรงกันข้าม คนที่เอาแต่คิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ โดยไม่ชอบศึกษาหาข้อมูล ก็จะเป็นเพียงการคาดเดาหรือ speculation ย่อมจะคิดผิดพลาดได้ง่าย ๆ ดังนั้น คนเราต้องหัดฝึกฝน การคิดและการศึกษาหาข้อมูลไปพร้อม ๆ กัน
3. ระเบียบวินัย
ขงจื๊อกล่าวถึงระเบียบวินัย 3 ประการ ของคนวัยต่าง ๆ กัน
  • วัยหนุ่มสาว พลังยังไม่มั่นคง ต้องมีวินัยเรื่องกามคุณ
  • วัยกลางคน พลังกายใจเข้มแข็งมากที่สุด ต้องมีวินัยเรื่องความพึงพอใจ อย่างเพิ่งเฉยชาหรือพอใจกับอะไรง่าย ๆ
  • วัยชรา หมดเรี่ยวแรง พลังงานลดถอย ต้องมีวินัยกับความโลภ คืออย่ามีความต้องการมากมายไม่มีที่สิ้นสุด
4. การคบคน
ขงจื๊อเชื่อว่า ชีวิตคนเรา จะสุข ทุกข์ ประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนที่เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องคบหาด้วย ดังนั้น ขงจื๊อจึงมีกฎในการเลือกคบคน ดังนี้
  • ข้อแรก ไม่คบหาคนที่มีคุณงามความดีไม่เท่าเรา
  • ข้อสอง ไม่แสวงความเห็น หรือปรึกษาหารือคนที่มีเส้นทางชีวิตไม่เหมือนเรา
  • ข้อสาม คนที่ควรคบหา คือ คนที่มีความซื่อตรง จริงใจ และมีความรู้
  • ข้อสี่ พึงเลี่ยงคบหาบุคคลที่เสแสร้ง พูดจาไร้สาระ ฉวยโอกาส ฟุ้งเฟ้อ
  • ข้อห้า เมื่อคบหาใครเป็นเพื่อนแล้ว จงมีความจริงใจต่อกัน แต่อย่าปล่อยให้เขาชักนำเราไปในทางที่ต่ำ
5. การพูด
คำพูดของเราต้องแสดงออกถึงความซื่อตรง สอดคล้องกับกริยาทางกาย เพราะถ้าหากคำพูดเราเกิดพร้อมกับกริยามุ่งมั่นจริงใจ พูดสิ่งใดก็ย่อมประสบผลเป็นที่น่าเชื่อถือ
6. การวางตัว
คนเราจะมีคนรักทั่วทิศ หากวางตัวได้ดังนี้
  • เวลาอยู่นอกบ้านแล้วพบผู้คน วางตัวราวกับคนผู้นั้นเป็นแขกสำคัญในบ้าน
  • เมื่อต้องสั่งการ วางตัวราวกับเราเป็นแม่งานของพิธีการที่สำคัญยิ่งใหญ่ (คนที่เป็นแม่งานจะต้องเห็นภาพงานทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างรอบด้าน และมีจิตมุ่งมั่นต้องการทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในระยะเวลาที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะฉะนั้นเวลาคนเป็นแม่งานสั่งงาน จะไม่สักแต่ว่าขอให้ใครทำอะไร แต่จะคิดอย่างรอบคอบถึงผลที่ตามมา จะไม่สั่งการแบบขอไปที แต่จะต้องมีการติดตามผล แนะนำเพื่อให้งานลุล่วงไปได้)
  • อะไรที่เราไม่ชอบ ก็อย่าปฏิบัติต่อคนอื่น
  • เข้มงวดต่อตนเอง แต่ให้อภัยคนอื่น
7. การวางจิต
ขงจื๊อเน้นการมีจิตใจที่ซื่อตรง เขาเห็นว่า ประเทศชาติจะสงบสุขได้ครอบครัวต้องดีก่อน แต่ครอบครัวจะดีได้ มนุษย์แต่ละคนต้องมี คุณธรรมมนุษย์แต่ละคนจะมีคุณธรรม ก็ต้องมีจิตใจที่ซื่อตรงและจิตใจที่ซื่อตรง จะมีได้ก็ต้องมีเจตนาที่ซื่อตรงก่อน ขงจื๊อเน้นจิตที่สามารถมองอะไรชัดเจน ทะลุปรุโปร่ง จิตเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็จากการมองเห็นและรู้จักตนเองอย่างรอบด้านก่อน
Credit : Dong