เซอร์เกย์ บริน หนึ่งใน 2 ของผู้ก่อตั้ง กูเกิล ยักษ์ใหญ่ที่ครองโลกออนไลน์มายาวนาน เปิดเผยวิสัยทัศน์ว่าด้วย “รถอัตโนมัติ”
ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐล่าสุดที่ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วย “ยานพาหนะอัตโนมัติ” ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้การทดสอบการใช้รถที่ขับเคลื่อนได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคนขับ เป็นเรื่องถูกกฎหมายเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐเนวาดา โดยบรินเชื่อว่า ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น รถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองดังกล่าวนี้จะมีใช้กันทั่วไปตามท้องถนน
ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐล่าสุดที่ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วย “ยานพาหนะอัตโนมัติ” ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้การทดสอบการใช้รถที่ขับเคลื่อนได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยคนขับ เป็นเรื่องถูกกฎหมายเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐเนวาดา โดยบรินเชื่อว่า ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น รถที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองดังกล่าวนี้จะมีใช้กันทั่วไปตามท้องถนน
รถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยตัวมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีคนขับ ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่มีอยู่ผสมผสานกัน ตั้งแต่ระบบเรดาร์เพื่อตรวจสอบบริเวณด้านหน้าของรถ กล้องวิดีโอเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบรถยนต์ทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเซ็นเซอร์ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่จะทำงานร่วมกับสมองกล หรือซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่จะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนที่และทิศทางของรถยนต์คันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทั้งกฎหมายของ เนวาดาและแคลิฟอร์เนียต่างกำหนดให้จะใช้งานรถขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ก็ต่อเมื่อมีคนอยู่หลังพวงมาลัย และพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ทันทีอยู่ด้วยเท่านั้น
กูเกิลเป็นบริษัทที่เคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย เพื่อผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าวนี้มากที่สุด แม้ว่าจะมีอีกหลายบริษัทมากที่กำลังพัฒนาโครงการคล้ายคลึงกันดังกล่าวนี้ ซึ่งรวมทั้ง “คาลเท็ค” หรือสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา โดยรถยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นแรกสุดของกูเกิลเป็น โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด และต่อมาก็เพิ่มเล็กซัส อาร์เอ็กซ์ 450 เอช รถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์เข้าไปอีกรุ่น เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีอีกหลายๆ รุ่นหลายแบบติดตามมา
เซอร์เกย์ บริน ให้ความเห็นเอาไว้ว่า รถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองมีประโยชน์หลากหลายอย่างยิ่ง แรกสุดนั้นก็คือ เรื่องความปลอดภัยที่สามารถมั่นใจได้ว่ามีมากกว่าการขับรถด้วยมนุษย์แน่นอน และจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ซึ่งเมื่อปี 2010 ในสหรัฐมีผู้เสียชีวิตเพราะเหตุนี้มากถึง 33,000 คน โดยจนกระทั่งถึงขณะนี้ รถขับอัตโนมัติดังกล่าวนี้มีการใช้งานมาแล้วมากกว่า 300,000 ไมล์ โดย 50,000 ไมล์ ในจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นการขับโดยรถยนต์เอง ไม่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้่น สถิติของการเกิดอุบัติเหตุเป็น 0 เพราะครั้งเดียวที่เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นกับรถทดสอบ เกิดขึ้นในระหว่างที่คนเป็นผู้ควบคุมรถ
นายบรินยังระบุด้วยว่า รถอัตโนมัติทำให้คนที่เดิมไม่สามารถขับรถได้ อย่างเช่นคนตาบอดเดินทางได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งคนที่มีความพิการด้านอื่นๆ หรือคนที่อายุน้อยเกินไป สูงอายุเกินไป หรือบางทีก็เมามายมากเกินไปก็สามารถใช้ประโยชน์จากรถอัตโนมัติได้
สุดท้าย รถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองนั้นสามารถทำให้การจราจรลดความหนาแน่นลงเหลือน้อยที่สุด ด้วยการเชื่อต่อเข้าด้วยกันเคลื่อนที่ตามลำดับ ทำให้การใช้ท้องถนนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผู้อาศัยรถขับเคลื่อนอัตโนมัติจะใช้เวลาในการเดินทางทำอย่างอื่นได้ เพื่อประโยชน์ที่เห็นว่าคุ้มค่าสูงสุด ในขณะเดียวกัน รถอัตโนมัติก็จะส่งผู้โดยสารลงตรงจุดหมาย แล้วสามารถไปหาที่จอดได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเลือกจุดจอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อการขับเคลื่อนครั้งต่อไปอีกด้วย
ที่มา : http://news.nerkoo.com