31 กรกฎาคม 2555

รวมภาพ รถโบราณ หาดูยาก


































credit : Dong

ไอเดียเจ๋ง! ร้าน 0 บาท ใช้วัสดุรีไซเคิลแทนเงินสด


ไอเดียเจ๋ง! ร้าน บาท ใช้วัสดุรีไซเคิลแทนเงินสด
รายงานข่าวแจ้งว่า สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิล เพื่อสิ่งแวดล้อม(TIPMSE) ร่วมผนึกพลังภาคีเครือข่าย ทำโครงการต้นแบบ ร้าน0บาท สอดรับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของศูนย์วัสดุรีไซเคิลกลุ่มอาชีพซาเล้ง ชุมชนอ่อนนุช เขตประเวศ โดยการให้ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งร้านค้าขึ้นมาในชุมชน ซึ่งแทนที่จะซื้อของด้วยการจ่ายเป็นเงินสด แต่กลับให้เก็บขยะที่สามารถนำไปผลิตใหม่ได้หรือรีไซเคิล มาจ่ายแทนการใช้เงินสด



ทั้งนี้แม้จะไม่มีเงินสดก็สามารถซื้อสินค้าได้ด้วยการหาวัสดุรีไซเคิลมาแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่ม กล่องกระดาษ กล่องเครื่องดื่ม โดยจะมีบริษัทใหญ่ๆ เข้ามาร่วมสนับสนุน เช่น บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด จะเข้ามาช่วยรับซื้อเศษแก้ว ในขณะที่บริษัท เอสซีจี จำกัด(มหาชน) จะช่วยรับซื้อถุงพลาสติกที่ขายไม่ได้ วัสดุพิษ เช่น หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย เป็นต้น


ด้านนายสมพงษ์ ตันเจริญผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิล เพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยมีปัญหาเรื่องค่าครองชีพสูง รายได้กับรายจ่ายไม่สมดุจกัน  TIPMSE ได้หาทางออกด้วยการให้ประชาชนนำวัสดุรีไซเคิล ซึ่งมีมูลค่าเป็นเงินสด สามารถนำมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนได้ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะในประเทศและเป็นการสร้างวัฒนธรรมการคัดแยกขยะให้กับคนไทยอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงษ์ วัฒนะลาภา ผู้อำนวยการสถาบัน TIPMSE กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการทำโครงการ ร้าน0บาท ครั้งนี้ มี ประการ ได้แก่ 
1.เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยการใช้วัสดุรีไซเคิลแทนเงินสด 
2.เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมองเห็นมูลค่าของวัสดุรีไซเคิล ก่อนทิ้งเป็นขยะ
3.เพื่อรณรงค์ให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่คนรุ่นใหม่ ร่วมใจคัดแยกวัสดุรีไซเคิล
ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้สร้างวัฒนธรรมที่คนในชุมชนจะสามารถจัดการคัดแยกขยะจากต้นทาง และจะช่วยให้ปัญหาขยะในชุมชนลดลง รวมถึงสามารถลดค่าครองชีพของคนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน
(ขอบคุณภาพจาก Facebook ร้าน บาท)
เครดิต : Dong


ระหว่างต้นไม้



ระหว่างต้นไม้

“ทุกคนไม่อาจเป็นต้นไม้ของประธานาธิบดีอเมริกาได้ 
แต่เราทุกคนเลือกที่จะเป็นต้นไม้คือผู้ให้อย่างแท้จริงได้” 

เด็กชายคนหนึ่งมีความรู้สึกว่า ตนเองเป็นเด็กโชคร้าย เขาไม่ชอบเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน เป็นเด็กเก็บกด อีกทั้งยังบ่นน้อยใจเนืองๆว่า ‘พ่อแม่ไม่รัก เพราะเขาเป็นเด็กพิการขาแปมาแต่กำเนิด’ ด้วยความคิดอย่างนี้ทำให้ตนเองมีทัศนคติเชิงลบมาตลอด

กระทั่งวันหนึ่ง พ่อของเขาได้ไปขอกล้าไม้มาจากเพื่อนบ้าน แล้วเรียกลูกๆมาเพื่อช่วยกันปลูก โดยพ่อตั้งกติกาว่า “ต้นไม้ของใครเติบโตดีที่สุด พ่อจะซื้อของขวัญที่ลูกคนนั้นชอบให้” แน่นอนในใจของเด็กย่อมอยากได้ของขวัญจากพ่อ...ชัวร์

ในขณะที่เด็กชายรดน้ำดูแลต้นไม้ของตนอยู่ ก็สังเกตเห็นว่าทั้งพี่ชายและพี่สาวต่างตั้งใจดูแลรดน้ำต้นไม้ให้เจริญเติบโตเช่นกัน ทำให้เขาเกิดคิดขึ้นมาในใจว่า ‘อย่างไงซ่ะ...ต้นไม้ที่ตนปลูกก็คงจะเติบโตได้ไม่ดีเท่าของพี่ชายและพี่สาวแหงๆ’ ครั้นมองดูตนไม้ของตนทีไร ใจหนึ่งก็คิดอยากจะแกล้งมันให้ตายไปจัง จากนั้นก็ไม่ได้สนใจใยดีกลับมาเหลียวแลต้นไม้ของเขาอีกเลย

ต่อมาเด็กชายนึกอยากรู้ว่าต้นไม้นั้นตายแล้วหรือยัง จึงย้อนกลับมาดูใหม่อีกครั้ง ภาพที่เห็นมันทำให้เขาแปลกใจมาก เพราะต้นไม้ไม่ตายแถมกลับเจริญงอกงามเติบโตมากกว่าของพี่ชายและพี่สาวอีกต่างหาก เด็กน้อยเก็บความสงสัยเรื่องนี้ไว้ในใจ และก็ครุ่นคิดหาคำตอบเรื่อยมา

และแล้วพ่อก็ซื้อของขวัญให้ตามสัญญา พ่อพูดกับเขาว่า ‘ดูจากต้นไม้ที่ลูกปลูกแล้ว โตขึ้นลูกคงได้เป็นนักพฤกษศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกแน่นอน’

คืนหนึ่งซึ่งเป็นเดือนหงาย เด็กชายตัวน้อยนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ขณะที่ลืมตามองดูพระจันทร์ทางหน้าต่าง ทำให้หวนคิดถึงคำของครูชีววิทยาสอนว่า ‘ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ดีในตอนกลางคืน จึงเกิดคิดอยากออกไปดูการเจริญเติบโตของต้นไม้ตน จึงแอบย่องออกจากห้องนอน เพื่อไปดูต้นไม้ที่เขาปลูกไว้ว่ามันเจริญงอกงามอย่างไร

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ได้พบกับเงาของชายคนหนึ่งซึ่งก็คือพ่อนั่นเอง กำลังตักอะไรบางอย่างลงไปในกระถางต้นไม้ของเขา ภาพที่ปรากฎทำให้เด็กน้อยเข้าใจได้ทันทีรู้สึกปลื้มใจ นาทีนั้นเขารู้เลยว่าพ่อรักตนเองมาก และพ่อนี่เองที่อยู่เบื้องหลังปริศนาความเจริญเติบโตของต้นไม้ พ่อเป็นคนทำทุกอย่างให้ลูกมีกำลังใจ พ่อให้ของขวัญเป็นแรงจูงใจเพื่อให้ลูกได้มีความหวังในการใช้ชีวิตเป็นไม้ใหญ่ยืนต้นเจริญเติบโตอยู่ในสังคม ‘พ่อรักเรา...!’

คิดได้อย่างนี้แล้ว เด็กน้อยจึงวิ่งกลับเข้าไปยังห้องนอน พร้อมด้วยน้ำตาพรั่งพรูอาบแก้มและความรู้สึกแสนดีใจ แล้วก็เผลอหลับไปอย่างมีความสุข

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เด็กน้อยที่เคยคิดน้อยใจในชีวิตตนเอง ก็กลับมามีความคิดใหม่เริ่มปรับทัศนคติมาในทางบวก และเปลี่ยนความคิดเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้เขามีความเชื่อมั่น มีความหวังและมีกำลังใจ ทำให้สามารถต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคทางด้านร่างกายและจิตใจ กระทั่งสามารถยืนหยัดเติบโตอยู่ในท่ามกลางสังคมได้อย่างสง่างาม

ถึงแม้เด็กชายคนนั้นจะไม่ได้ประสบความสำเร็จเป็นนักพฤกษศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกตามที่พ่อเคยพูดไว้ก็ตาม แต่ในที่สุดเด็กน้อยคนนั้นก็ได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา นามว่า “แฟลงคลิน ดี รูสเวลต์”

อาจฟังดูคล้ายเรื่องเล่ากึ่งนิทานก็จริง แต่ประเด็นก็คือ แง่คิดหรือเนื้อความเรื่องนี้ต่างหาก ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ปรับให้เข้ากับรูปแบบชีวิตของเราได้ ตามสไตล์ของใครของมัน แม้ว่าต้นไม้ทุกต้นอาจเติบโตเป็นเหมือนต้นไม้ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ก็ตาม แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า

ความจริงนั้นโอกาสแห่งการเจริญเติบโตมันก็ขึ้นอยู่กับคนบางคน บางที่ และบางโอกาสเท่านั้น นั่นหมายถึง ไม่ใช่ทุกคนจะปลูกต้นไม้ให้เติบโตได้เหมือนกับประธานาธิบดีอเมริกา และที่สำคัญหากปลูกผิดที่ หรือใครบางคนไม่ช่วย บางทีอเมริกาอาจไม่มีต้นไม้ประธานาธิบดี “รูสเวลต์” เติบโตขึ้นมาก็ได้ เฉกเช่น

ในสวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปลูกต้นไม้ที่มีอายุมากพอๆกันสองต้น ต้นหนึ่งโตขึ้นในจุดที่แสงแดดส่องถึง ทั้งดินและน้ำก็อุดมสมบูรณ์ ส่วนอีกต้นขึ้นในจุดที่ดินไม่ดีและก็ไม่มีแสงแดด เราคงรู้คำตอบกันดีอยู่แล้วนะว่า ต้นไหนมันจะเจริญเติบโตและให้ผลมากกว่ากัน?

ตามกฎของธรรมชาติต้นไม้ทุกต้นมันมีอิสรภาพที่จะเจริญเติบโตได้ก็จริง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ต้นไม้มีอิสรภาพอย่างเต็มที่ในการพัฒนาศักยภาพของมันที่มีอยู่ให้เจริญงอกงามได้อย่างเต็มที่ แต่กระนั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ คือถ้าเป็นต้นขนุน มันก็คงจะออกลูกเป็นมะละกอหรือเงาะไม่ได้แน่ๆ

มนุษย์เราเองก็เช่นกัน ขณะที่เรากำลังมุ่งพัฒนาตนเองเพื่อความเจริญเติบโตขึ้น ก็อาจมีเงื่อนไขทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งเงื่อนไขข้อแม้ภายในตัวเองซึ่งเป็นแง่ลบต่างๆที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราทุกคน ที่คอยถ่วงความเจริญทำให้ไม่สามารถพัฒนาหรือเติบโตได้เท่าที่ควร เราเองก็ถูกจำกัดด้วยข้อแม้ต่างๆที่เป็นปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในดังกล่าวเหล่านี้ ไม่ต่างจากต้นไม้

เบ็ดเสร็จก็คือ ความเจริญเติบโต หรือความสำเร็จของคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายประการ แน่นอนว่า หากคาใจในเรื่องการเจริญเติบโตของต้นไม้เราควรปรึกษาชาวสวน หากกังขาเรื่องการเมืองเราควรปรึกษานักการเมืองหรือนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นเรื่องสูตรแห่งความสำเร็จ พระพุทธองค์ตรัสแนะนำไว้อย่างชัดเจนในพระไตรปิฎกเล่ม ๑๘ หน้า ๒๒๔ สังขารูปปัตติสูตร ว่ามีอยู่เพียงห้าประการ คือ

๑. เป็นผู้มีความเชื่อมั่น มั่นใจ เรียก ศรัทธา
๒. เป็นผู้มีความประพฤติสะอาดทั้งกายและวาจา เรียก ศีล
๓. เป็นผู้สดับ คือ อ่านมาก ฟังมาก ศึกษามาก เรียก สุตตะ
๔. เป็นผู้ให้สละแบ่งปัน เรียก จาคะ (ทาน)
๕. เป็นผู้รอบรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ เรียก ปัญญา

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียงข้อสี่ คือ จาคะ หรือทานการสละให้ปัน เมื่อพูดถึง “การให้” มนุษย์ควรดูต้นไม้เป็นตัวอย่าง เป็นไอดอล เพราะต้นไม้เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง... ให้อย่างไร?

ให้ร่มเงา ให้อ็อกซิเจน ให้อาหาร ให้ที่อยู่อาศัย ให้ยารักษาโรค ให้เครื่องนุ่งห่ม ให้ทุกๆอย่าง แต่ไม่เอาอะไรซักอย่าง

ไม่รดน้ำเจ็ดวัน ต้นไม้เคยว่าอะไรไหม?... “ไม่ว่า” ไม่ใส่ปุ๋ยทั้งชีวิต ว่าไหม?... “ไม่ว่า” แต่มนุษย์ได้เงินเดือนน้อยไปหน่อย ว่าไหม?... “ว่า” ก็นี่ไง ต้นไม้จึงเป็นผู้ให้อย่างแท้จริ

ต้นไม้มีลูกเล็กๆ คนไปเด็ด เขาให้
ลูกใหญ่ๆ ไปเด็ด เขาให้
ลูกแก่ๆ ไปเด็ด เขาให้
สุกแล้ว ไม่มีใครเด็ด ก็ยังหล่นลงมาให้

ตรงกันข้ามถ้าเป็น “มนุษย์” อะไรๆ ก็ยึดติดอยู่
มีบ้าน บ้านของกู
มีรถ รถของกู
มีผัว ผัวของกู ตายแล้วก็ยังยึดติดอยู่
นางนากพระโขนง ไง ขนาดตายแล้ว ก็ยังกู่ร้องว่า

“ เ อ า ผั ว ข อ ง กู คื น ม า ”

ก็อย่างนี้ไง มนุษย์จึงไม่บริสุทธิ์หลุดพ้น เพราะมัวแต่ไปยึดติด ไม่เหมือนต้นไม้

ที่จริงแล้ว...สรรพคุณการให้ของต้นไม้ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะต้นไม้ยังแถมบุญให้อีก และนี่ไม่ใช่บุญธรรดานะ แต่เป็นบุญประเภทที่ตามส่งผลทั้งกลางวัน กลางคืน ตลอด 24 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เรื่องนี้อ้างอิงยืนยันได้จากหลังฐานที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบคำถามเรื่องอานิสงส์แห่งบุญ ให้แก่เทวดาตนหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า ในราตรีหนึ่ง มีเทวดาเข้ามาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า

“บุญย่อมเจริญ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตลอดกาลทุกเมื่อ แก่ชนเหล่าใด
ชนเหล่าไหนดำรงอยู่ในธรรม
สมบูรณ์ด้วยศีลแล้ว...ย่อมไปสู่สวรรค์?”

“ดูก่อนท่านผู้มีอายุ” พระพุทธองค์ตรัส “ชนเหล่าใดปลูกสวนอันน่ารื่นรมย์ ปลูกป่า สร้างสะพาน ขุดสระน้ำ บ่อน้ำ และให้ที่พักอาศัย บุญย่อมเจริญแก่ชนเหล่านั้น ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดกาลทุกเมื่อ
ชนเหล่านั้นดำรงอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลแล้วย่อมไปสู่สวรรค์อย่างแน่นอน”

ฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถปลดล็อกตนเองออกมาเป็นอิสระ ย้ายตนเองมาอยู่ในเรือนเพาะชำที่เหมาะสม และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาความสามารถของตนให้ยิ่งขึ้นไป เมื่อนั้นแหละเราจึงจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมีเสรีภาพเกิดขึ้นกับตนเองได้อย่างแท้จริง นี่คือข้อแตกต่างจากต้นขนุน มะละกอ หรือเงาะในสวน ที่มนุษย์ทุกคนพึงมีและเลือกที่จะเป็นได้

เป้าหมายของต้นไม้ทุกต้นไม่จำเป็นต้องโตมาเพื่อเป็นต้นไม้ของประธานาธิบดีเพียงอย่างเดียว เราเลือกที่จะเป็นต้นอะไรก็ได้โดยเฉพาะต้นไม้ที่โตขึ้นมาเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง คุณล่ะเลือกแล้วหรือยัง?

เรื่อง : พระชวัลวิทย์ อคฺคธมฺโม
มจร. มนุษยศาสตร์ ปี ๒

เครดิต : Dong

หนังสั้น เรื่อง นกตัวสุดท้าย


คุณสรวงชล นาคชม

ร่วมประกวดในโครงการประกวดหนังสั้น Jariyatam shot film ครั้งที่ ๒ 
ชิงโล่ประทานและทุนการศึกษา เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประกาศผลรางวัล ณ ลานพระวิหารพระอัฏฐารสฯ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๐๐ น.

ชนะเลิศ อันดับ ๑ ของโครงการนี้ครับ ในระดับประชาชนทั่วไป

ที่ตั้งประเด็นคำถามว่า ที่จริงแล้วแก่นของพระพุทธศาสนาคืออะไร

30 กรกฎาคม 2555

แจก Wallpaper ทิวทัศน์ สวยๆ









จัดอันดับ 10 ซุ้มประตูหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ซุ้มประตูหิน หรือ “อาร์ก” (Arch) ถือเป็นผลพลอยความสวยงามซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ธรรมชาติรังสรรค์ด้วยการกัดเซาะของทะเล แม่น้ำ หรือสภาพดินฟ้าอากาศ จนก่อให้เกิดหินรูปร่างแปลกตา เว้าแหว่ง สร้างความสะดุดตาและเติมสีสันให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้น หลายแห่งที่มี ซุ้มประตูหิน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

10 ซุ้มประตูหิน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ซุ้มประตูหิน สะพานนางฟ้า 
      สะพานใต้หล้าอันดับหนึ่ง หรือ สะพานเซียนเริ่น หรือ สะพานนางฟ้า คือ ซุ้มประตูหิน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสะพานเชื่อมแม่น้ำ Buliu ในเขตเทศมณฑล Fengshan ในเขตปกครองตนเอง Guangxi Zhuang ระยะทางยาวประมาณ 400 ฟุต (120 เมตร)
ซุ้มประตูหิน สะพานอมตะเจี่ยงโจว
      สะพานอมตะเจียงโจว ธรรมชาติสร้างสรรค์อยู่ที่ เมือง Jiangzhou เขตปกครองตนเอง Guangxi Zhuang มีลักษณะคล้ายกับสะพานเซียนเริ่น ยาวประมาณ 340 ฟุต (103 เมตร)

ซุ้มประตูหิน สะพานหินโค้งแลนด์สเคป
      สะพานหินโค้งแลนด์สเคป อุทยานแห่งชาติอาร์เชส หรือ อุทยานแห่งชาติสะพานหินโค้ง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกาวัดระยะความยาวได้ประมาณ 290 ฟุต (88.4 เมตร) บางช่วงของสะพานมีความเปราะบางมาก  หนาเพียง 1.8 เมตร เชิงสะพานเป็นหินทรายยื่นออกจากหินขรุขระ เหนือพื้นหุบผาชันด้วยความสูงประมาณ 30 เมตร

ซุ้มประตูหิน สะพานหินโคลอบ อาร์ค
      สะพานหินโคลอบ อาร์ค อยู่ลึกลงไปในเขตทุรกันดารของ อุทยานแห่งชาติไซออน รัฐยูทาห์ ประเทศอเมริกา ยาวประมาณ 287 ฟุต (87เมตร) เคยเป็นสะพานหินธรรมชาติที่ยาวที่สุดในโลกในปี 2006
ซุ้มประตูหิน สะพานหินอโลบา 
      สะพานหินอโลบา ประเทศ Chad หนึ่งในซุ้มธรรมชาติที่งดงามที่สุดในโลก ยาว 287 ฟุต (87เมตร) ตั้งอยู่กลางเทือกเขา Ennedi ในเขตทะเลทรายซาฮารา จุดเด่นของ ซุ้มประตูหิน คือ เสาหินที่เชื่อมต่อกับสะพานหินซึ่งมีความสูงประมาณ 394 ฟุต (120 เมตร)
 ซุ้มประตูหิน
ซุ้มประตูหิน สะพานหินธรรมชาติมอร์นิ่ง กลอรี่
      สะพานหินธรรมชาติมอร์นิ่ง กลอรี่ ตั้งอยู่ในนิโกรบิลด์แคนยอน ซึ่งอยู่ใกล้เมืองโมอับ เขตรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา  แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวนัก เนื่องจากสะพานอยู่ห่างจากกำแพงผาเพียง 15 ฟุต สามารถวัดระยะความยาวได้ประมาณ 243 ฟุต (74 เมตร)

 ซุ้มประตูหิน
ซุ้มประตูหิน สะพานหินเรนโบว์
      สะพานหินเรนโบว์ ในเขตพื้นที่นันทนาการแห่งชาติเกลนแคนยอน รัฐยูทาห์ ในสหรัฐอเมริกา เดินทางโดยเรือประมาณสองชั่วโมง ความยาวประมาณ 234 ฟุต (71เมตร)

 ซุ้มประตูหิน
ซุ้มประตูหิน สะพานหินธรรมชาติเกาตัน
      สะพานหินธรรมชาติเกาตัน ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำฟูลู่ ไม่ไกลจากเมืองลี่ปิง มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของบริเวณจุดชมวิว ณ ภูเขา Bazhou มีความยาวประมาณ 230 ฟุต (70 เมตร)

 ซุ้มประตูหิน
ซุ้มประตูหิน สะพานหินธรรมชาติสิปาปู
      สะพานหินธรรมชาติสิปาปู อยู่ในอนุสรณ์สถานแห่งชาติสะพานหินธรรมชาติ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา นักท่องเที่ยวสามารถชมสะพานหินแห่งนี้ได้จากริมถนน หรือจะเลือกการเดินเท้าเข้าไปชม สิปาปู มีความยาวประมาณ 225 ฟุต (69 เมตร)

 ซุ้มประตูหิน
ซุ้มประตูหิน สะพานหินสตีเวนส์
      สะพานหินสตีเวนส์ เขต Escalante แคนยอน อยู่เหนือแม่น้ำ Escalante เขตรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา สามารถวัดระยะความยาวได้ประมาณ 220 ฟุต (67 เมตร) (Credit : Dong)