ยุคนี้ถ้ากล่าวถึงเครื่องดื่
แต่... ดื่มกันปล่อยๆแบบนี้เคยรู้ ไหมครับว่า ชาเขียวมีประวัติความเป็นมาอย่ างไร (พี่แก๊ปป้าขอบอกว่าหน้ าสนใจมากๆ) ใครอยากรู้ตามมาอ่านเลย...
ชาเขียวมีต้นกำเนิ ดมาจากประเทศจีนกว่า 4,000 ปีมีแล้ว กล่าวคือเมื่อ 2,737 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาได้ถูกค้นพบโดยจักรพรรดินามว่ า เสินหนง ซึ่งเป็นบัณฑิตและนักสมุนไพร ผู้รักความสะอาดเป็นอย่างมาก ดื่มเฉพาะน้ำต้มสุกเท่านั้น วันหนึ่งขณะที่เสินหนงกำลังพั กผ่อนอยู่ใต้ต้นชาในป่า และกำลังต้มน้ำอยู่นั้น ปรากฏว่าลมได้โบกกิ่งไม้ เป็นเหตุให้ใบชาร่วงหล่นลงในน้ ำซึ่งใกล้เดือดพอดี เมื่อเขาลองดื่มก็เกิดความรู้สึ กกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ชาเขียวถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในช่ วงศตวรรษต่างๆดังนี้
ช่วงศตวรรษที่ 3
ชาเป็นยา เป็นเครื่องบำรุงกำลังที่ได้รั บความนิยมมากในช่วงศตวรรษที่ 3ชาวบ้านก็เริ่มหันมาปลูกชากั นและพัฒนาขั้นตอนการผลิตมาเรื่ อยๆ
ช่วงศตวรรษที่ 4 และ 5
ชาในประเทศจีนได้รับความนิ ยมมากขึ้นและได้ผลิตชาในรู ปของการอัดเป็นแผ่น คือ การนำใบชามานึ่งก่อน แล้วก็นำมา กระแทก ในสมัยนี้ได้นำน้ำชาถึ งมาถวายเป็นของขวัญแด่พระจั กรพรรดิ
สมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - 906)
ถือเป็นยุคทองของชา ชาไม่ได้ดื่ม เพื่อเป็นยาบำรุงกำลังอย่างเดี ยว แต่มีการดื่มเป็นประจำทุกวัน เป็นเครื่องมือเพื่อสุขภาพ
สมัยราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ. 960 - 1279)
ชาได้เติมเครื่องเทศแบบใน สมัยราชวงศ์ถังแต่จะเพิ่มรสบางๆ เช่น น้ำมันจากดอกมะลิ ดอกบัว และดอกเบญจมาศ
สมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368 - 1644)
ชาที่ปลูกในจีนทั้งหมดเป็นชาเขี ยว สมัยนั้นกระบวนการผลิตชาได้พั ฒนาขึ้นไปอีก ไม่อัดเป็นแผ่น แต่มี การรวบรวมใบชา นำมานึ่ง และอบแห้ง ซึ่งจะเก็บได้ไม่ดีนัก สูญเสียกลิ่นได้ ง่าย และรสชาติไม่ดี ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีการค้าขายกับชาวยุโรป การผลิตเพื่อจะรักษาคุณภาพชาให้ นานขึ้น โดยได้คิดค้นกระบวนการที่ เราเรียกว่า การหมัก เมื่อหมักแล้วก็จะนำไปอบ ซึ่งก็เป็นที่มาของชาอูหลง และชาดำ ในประเทศจีน มีการแต่งกลิ่นด้วย โดยเฉพาะกลิ่นดอกไม้
ชาเขียวที่เราดื่มกัน มีประวัติความเป็นมาที่ ยาวนานมากๆเลยนะเนี่ย ^^ ยังไงดื่มกันแต่พอควรนะไม่ควรดื ่มมากเกินไป ไม่งั้นประโยชน์ต่างๆที่ ควรจะได้รับจะกลับกลายเป็นโทษ -*-
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://th.wikipedia.org/ ภาพประกอบจาก : Photos.com
Credit : Dong
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น