28 สิงหาคม 2555

ชายเก็บขยะผู้ร่ำรวย


พลอยใจใส
     เสียงนาฬิกาปลุกดังกังวานไปทั่วห้อง ณภัทรงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าเพื่อจัดการกับเสียงต้นเหตุนั้น แสงแดดอ่อนๆสาดทอลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงด้านนอกเริ่มจอแจ บ่งบอกถึงการเริ่มต้นต่อสู้ชีวิตของผู้คนชาวกรุง ชายหนุ่มมองเงาของตนเองในกระจก เขาเพิ่งตื่นนอนแต่ว่าขอบตานั้นมีรอยเขียวคล้ำเพราะกรำงานอยู่จนดึก ความเหนื่อยล้าทางด้านร่างกายนั้นหากได้มีเวลาพักอีกสักนิดก็คงหาย แต่ว่าความเหนื่อยใจของเขานั้นเปรียบเสมือนภาระอันหนักอึ้งที่เขารู้สึกว่าต้องแบกรับไว้ทั้งเวลานอนและเวลาตื่น ภาระหน้าที่การงานอันมากมายนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เขากลับมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานที่ต้องปะทะคารมกันแทบทุกวัน

     ณภัทรบิดกายขับไล่ความขี้เกียจออกไป คว้าผ้าเช็ดตัวมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ อย่างน้อยการได้อาบน้ำอุ่นๆสบายๆ อาจทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายก่อนออกไปทำงานในเช้าวันนี้ แกร๊ก..แกร๊ก.. ดูเหมือนเจ้าเครื่องทำน้ำอุ่นตัวดีจะไม่ค่อยเป็นใจกับเขาสักเท่าไหร่ มันหยุดทำงานไปซะเฉยๆ ชายหนุ่มพยายามใช้ความอดทนกับมันอยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่เป็นผล เขาจึงต้องทนอาบน้ำเย็นในเช้าวันนี้ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโอเปอเรเตอร์ของอพาร์ทเมนท์ด้วยหวังจะได้รับความช่วยเหลือ

     “ฮัลโหลผมโทรจากห้อง 
506 ครับเครื่องทำน้ำอุ่นห้องผมเสีย ช่วยส่งช่างมาดูหน่อยได้ไหมครับ” แต่ดูเหมือนปลายสายจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเขาสักเท่าไหร่ 
     “เสียอีกแล้วเหรอ นี่คุณใช้ยังไงเนี่ยใช้เป็นหรือเปล่า เดือนนี้เสียกี่ครั้งแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นความโกรธไว้เต็มที่

    “ตั้งแต่ผมมาอยู่ก็เพิ่งเสียเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละครับ ถ้ายังไงรบกวนส่งช่างมาดูด้วยนะครับ พอดีผมต้องออกไปทำงานแล้ว”

     ณภัทรรีบวางสายอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าต่อมความโกรธจะระเบิดออกมาเสียก่อน มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปซะทุกอย่างหรอกน่า ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง ขณะออกจากลิฟท์เดินผ่านโอเปอเรเตอร์ของอพาร์ทเมนท์ ก็อดชำเลืองดูอย่างขุ่นเคืองไม่ได้

“ก็แน่ล่ะอ้วนเป็นตุ่ม หน้าก็เละเป็นศพ พูดจาก็ไม่เข้าหูอย่างนี้ จ้างให้ก็ไม่มีใครเอาหรอก” แสยะยิ้มอย่างดีใจที่ได้พึมพำกับตัวเอง 
ในชั่วโมงเร่งรีบอย่างนี้ณภัทรอดชำเลืองดูนาฬิกาเป็นพักๆไม่ได้ ด้วยเกรงจะไปทำงานสาย แต่การจราจรที่เป็นอัมพาตอย่างนี้เขาคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการรอเท่านั้น มือกุมพวงมาลัย เตรียมพร้อมรอสัญญาณไฟ ชายหนุ่มมองออกไปข้างถนนเห็นเด็กขายพวงมาลัยหน้าตามอมแมมตะโกนโหวกเหวกเรียกร้องความสนใจ ถัดออกไปอีกนิดตรงริมฟุตบาท ชายแก่อายุประมาณหกสิบกว่า กำลังตั้งหน้าตั้งตาคุ้ยกองขยะอย่างตั้งอกตั้งใจ ณภัทรเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารแกมสมเพช งานเก็บขยะขายช่างเป็นงานที่ต่ำต้อยเสียเหลือเกินในสายตาเขา ทั้งเหม็นทั้งสกปรกเงินที่ได้จากการขายขยะเหล่านั้นจะได้ซักกี่สตางค์กันเชียว เทียบกับงานที่เขาทำไม่ได้เลย งานที่สบายใช้สมองอยู่ในห้องแอร์ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะต้องชิงไหวชิงพริบกันกับเพื่อนร่วมงานบ้างก็ตามเถอะ

     ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับความคิดของตัวเองอยู่นั้น “ปัง” เสียงดังมาจากทางด้านท้ายของรถ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว รีบก้าวลงจากรถเพื่อสำรวจความเสียหาย รถญี่ปุ่นกึ่งเก่ากึ่งใหม่ของเขาตอนนี้ ท้ายยุบไฟท้ายแตกกระจาย ณภัทรรีบมองหาคู่กรณีใบหน้าเขาร้อนผ่าวมือสั่นระริก เจ้าของรถยุโรปค่อนข้างใหม่คันนั้นก้าวออกมาจากรถอย่างรวดเร็วเช่นกัน ใบหน้าซีดเผือดเมื่อมองเห็นคู่กรณีอีกฝ่ายจับจ้องราวจะฉีกเนื้อเขากิน

“ขอโทษครับ ขอโทษ ผมรีบจริงๆครับก็เลยไม่ทันระวัง” พูดพลางยกมือขึ้นไหว้ปะหลกๆ

“นี่นามบัตรของผมครับ ถ้ายังไงให้ทางประกันโทรมาเบอร์นี้ได้เลยนะครับ แต่ว่าตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อน เพราะถ้าชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการ” พูดจบชายหนุ่มวัยกลางคนนั้นก็รีบบึ่งรถจากไป ทิ้งให้ณภัทรมองตามอ้าปากหวอกึ่งงงกึ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก

     ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าทางประกันภัยจะมาจัดการถ่ายรูปเซ็นเอกสาร และลากรถของเขาไปไว้ที่อู่ ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึงจะซ่อมเสร็จ กว่าณภัทรจะมาถึงที่ทำงานก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมง แน่นอนที่เจ้านายของเขาต้องตาเขียว และเรียกเขาเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

“งานสัมมนาที่เชียงใหม่ ผมให้คุณปกรณ์ไป เป็นตัวแทนของบริษัทเราแทนคุณแล้วนะ” เหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ

“ครับ” คงไม่มีคำพูดใดแทนความรู้สึกของเขาได้ในตอนนี้

     นายปกรณ์คู่ปรับประจำออฟฟิศของเขา ได้เป็นตัวแทนบริษัทไปสัมมนาแทนเขา ทั้งๆที่เขาเตรียมตัวล่วงหน้าเกือบเดือนเพื่องานนี้ ตะกอนในใจของชายหนุ่มคละคลุ้งขุ่นมัวไปหมด เขารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันมหาโลกาวินาศโดยแท้ เวลาทำงานแต่ละวินาทีกว่าจะผ่านไปมันช่างยากเย็นเหลือเกิน ในใจของเขารู้สึกหดหู่หนักอึ้งเหมือนมีคนเอาภูเขาหินทั้งลูกมาถ่วงไว้ ชายหนุ่มเอนตัวลงบนเก้าอี้อย่างช้าๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหนื่อยหน่าย


    หลังจากทนเบียดเสียดยัดเยียดกับผู้คนบนรถโดยสารประจำทางร่วมชั่วโมง ณภัทรก็มาถึงจุดหมาย เขาต้องเดินเท้าต่อประมาณห้าร้อยเมตรกว่าจะถึงอพาร์ทเมนท์ เวลาโพล้เพล้อย่างนี้ยังมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเดินทอดน่องอย่างช้าๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไป เช้านี้เครื่องทำน้ำอุ่นเสีย ต้องปะทะคารมกับยัยโอเปอเรเตอร์หน้าบูด ไม่รู้ตอนนี้จะส่งช่างไปซ่อมให้หรือยัง ไหนจะรถชนทำให้ไปทำงานสาย ไหนจะเรื่องงานที่คู่ปรับชิงตัดหน้าเขาไปก่อน พอคิดมาถึงตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้งน้ำตาพาลจะไหลซะให้ได้

“ซวยจริงๆ” เขาสบถเบาๆ พลางแวะซื้อน้ำอัดลมจากร้านขายของชำข้างทาง

    ชายหนุ่มจิบน้ำไปเรื่อยๆ อีกกว่าสามร้อยเมตรกว่าจะถึงอพาร์ทเมนท์ของเขา พลันก็ได้กลิ่นตุๆลอยมาปะทะจมูก สายตาก็เหลือบไปเห็นต้นเหตุของกลิ่นนั้น ชายชรากำลังเก็บและคัดแยกขยะจากกองขยะขนาดย่อมอยู่ทางด้านหน้า “เป็นตาแก่คนเดียวกับที่เห็นเมื่อเช้านี่นา” เขาคิดในใจ พลางกระหยิ่มยิ้มย่องเดินเข้าไปทางด้านหลังของชายแก่คนนั้นอย่างอารมณ์ดี อาจมีอะไรสนุกแก้เครียดหากได้แกล้งชายแก่คนนี้

   “ลุง” ณภัทรเรียกชายแก่เสียงดังเกือบจะกลายเป็นตะโกน ผิดคาดชายแก่ไม่ได้มีอาการตกใจอย่างที่เขาคิด สายตาคู่นั้นกลับหันมามองเขาอย่างเป็นมิตร

“มีอะไรเหรอพ่อหนุ่ม” ชายหนุ่มหน้าเจื่อนนิดหน่อย พลางยื่นกระป๋องน้ำอัดลมที่อยู่ในมือให้กับชายแก่คนนั้น

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับผมแค่คิดว่าจะเอากระป๋องให้ลุงเท่านั้น”

“เออ ขอบใจนะ”

“ลุงเก็บขยะขายอย่างนี้นานแล้วเหรอ”  เพราะใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้น ทำให้เขาอยากสนทนากับชายแก่คนนี้ต่อ

“ก็นานแล้วล่ะ คนแก่อย่างลุงไม่มีวิชาความรู้ก็ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไรน่ะ”

“แล้วลุงไม่มีลูกเหรอ” ชายชราละมือจากการค้นกองขยะนั้นขยับห่างออกมานิดหน่อยด้วยเห็นว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าคงจะทนกับกลิ่นนั้นได้ไม่นาน

“โอย เขาก็แต่งงานมีครอบครัวแยกย้ายกันไปหมดแล้วล่ะ”

“แล้วลุงได้รายได้ต่อวันประมาณเท่าไหร่”  ณภัทรต่อบทสนทนาด้วยเห็นว่าชายแก่นั้นน่าสงสาร

“ไม่แน่หรอกพ่อหนุ่ม บางวันก็ได้มาก บางวันก็ได้น้อย แล้วแต่ว่าวันไหนจะมีคนทิ้งของมีค่าไว้เยอะมั้ยน่ะ”

“ของมีค่า....ขยะน่ะเหรอครับที่เป็นของมีค่า” ชายหนุ่มทำหน้างุนงงนิดหน่อย

“คนเดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไรชอบทิ้งของมีค่า เก็บไว้แต่ของที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้น่ะ รกเปล่าๆ” ชายแก่แสยะยิ้มเล็กน้อย แต่ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ากลับทำหน้ายุ่ง ไม่เข้าใจความหมายของชายแก่นั้น

“ถึงลุงจะยากจนเก็บขยะขายแต่ลุงก็รู้ว่าอะไรเป็นของมีค่าที่ต้องเก็บไว้ อะไรที่ไม่มีประโยชน์ต้องทิ้งไป ลุงเห็นมาเยอะละคนเราชอบเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดให้รกสมองเปล่าๆ และมักจะหลงลืมอะไรที่ดีดีในตัวเองไปน่ะ ถึงจะเก็บขยะขายแต่ว่าลุงก็มีความสุขดีนะ ของบางอย่างถ้าเรามองมันให้ดีดีก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก”

    อาจเป็นเพียงแค่คำพูดเลื่อนลอยของชายแก่คนหนึ่ง แต่มันกลับเปิดปมบางอย่างในใจของชายหนุ่มที่ติดค้างมานาน ชายหนุ่มเดินจากมาทั้งๆที่ใจก็ยังครุ่นคิดกับคำพูดของคนเก็บขยะนั้น เรื่องบางเรื่องของบางอย่างก็เป็นเรื่องไร้สาระไม่มีประโยชน์ เราจะเก็บมาคิดทำไมให้รกสมองเปล่าๆนะ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกโล่ง เบาสบายอย่างบอกไม่ถูก

“คุณคะ” ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าก่อนถึงลิฟท์

“คุณอยู่ห้อง 
506 ใช่มั้ยคะ” ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ

“เครื่องทำน้ำอุ่นของคุณช่างไปซ่อมแล้วนะคะ” ณภัทรมองตามโอเปอเรเตอร์ร่างตุ้ยนุ้ยนั้นไปอย่างไม่เชื่อสายตา บางครั้งตอนเช้าเธอคงงานยุ่งก็เลยพูดไม่ค่อยเข้าหูซักเท่าไหร่ ชายหนุ่มแอบอมยิ้มให้กับความคิดที่เปลี่ยนไปของตัวเอง


    ตอนเช้าณภัทรต้องโหนรถเมล์ไปทำงานกว่าจะถึงที่ทำงานก็เกือบแปดโมงแล้ว วันนี้เขารู้สึกว่าที่ทำงานดูแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ปัญหาต่างๆที่ค้างคาใจถูกปลดระวางไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกโล่ง เบาสบาย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอเจอหน้านายปกรณ์คู่ปรับ ความคิดเก่าๆก็ประดังเข้ามาอีก แต่ว่าเขาก็ตั้งสติรับได้ทัน เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าเก็บมาคิดให้รกสมองเลย ชายหนุ่มบอกกับตัวเองอย่างนั้น พลางเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมงาน จนทุกคนต่างแปลกใจไปตามๆกัน ไม่รู้ว่าวันนี้นายณภัทรไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้อารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ คิดให้ดีๆแล้ว โดยปกติแล้วนายปกรณ์ก็ไม่เคยคิดร้ายกับเขาเลย ที่ถกเถียงกันก็เป็นเพียงเพราะเรื่องงานที่มีความเห็นไม่ค่อยลงรอยกันเท่านั้น สายหน่อยณภัทรก็ได้รับสายจากเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย

“สวัสดีครับจำผมได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มค่อนข้างแปลกใจด้วยไม่คุ้นกับเสียงปลายสายซักเท่าไหร่

“ที่ผมขับรถชนรถคุณเมื่อวานไงครับ ผมอยากโทรมาขอโทษพอดีเมื่อวาน ผมรีบมาก เมียผมเจ็บท้องจะคลอดลูก ผมก็เลยขับรถไม่ระวัง” ชายหนุ่มฟังแล้วก็โล่งอก นึกดีใจที่เมื่อวานไม่ได้ตะบันหน้าคู่กรณีไปเสียก่อน หลังจากสนทนากันได้นิดหน่อยปลายสายก็ต้องรีบวาง ด้วยเพราะเจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างๆส่งเสียงดัง 
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ณภัทรต้องโหนรถเมล์กลับบ้าน หากแต่ว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแตกต่างออกไปจากทุกวัน บางสิ่งบางอย่างอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ขึ้นอยู่กับมุมมองของเราต่างหาก ทุกสิ่งล้วนมีข้อดีและข้อเสีย หากเรารู้จักที่จะมองมันในแง่ของความเป็นจริง โดยปราศจากอคติ เราก็สามารถที่จะมีความสุขได้ไม่ยาก เขารู้สึกว่าภาระในใจที่เขาทนแบกไว้นานหลายปีได้ถูกปลดปล่อยออกไป ถึงแม้จะไม่หมดในคราวเดียว แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

    เขาเดินมาบนถนนสายเดิม ชายแก่คนนั้นก็ยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บขยะเหมือนเดิม หากแต่ว่าวันนี้สายตาที่เขามองชายแก่นั้นกลับเปลี่ยนไป ชายแก่คนนั้นเขาไม่ได้ยากจนเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเขาต้องเก็บขยะขายมีรายได้ต่อวันไม่กี่ร้อยบาท แต่หากชายแก่ผู้นั้นกลับร่ำรวยไปด้วยความสุข และแง่คิดดีดี ที่วันนี้ได้เปลี่ยนแปลงเขาไปในทางที่ดีด้วยเช่นกัน

จาก เวปไซท์ ธรรมะใกล้ตัว
เครดิต : Dong